ปัญหาและวิธีการสื่อมัลติมีเดียในการสอนภาษาอังกฤษ
1. มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องใช้สื่อมัลติมีเดียเข้ามาช่วยในการสอน
A. สร้างความสนใจ/กระตุ้นผู้เรียน
เนื่องด้วยสื่อมัลติมีเดียเข้ามามีบทบาทแทนที่วิธการสอนแบบดั้งเดิม ด้วยสื่อมัลติมีเดียนี้มีมัลติมีเดีย มีภาพ มีเสียง ภาพเคลื่อนไหว ที่เป็นตังสร้างความสนใจและกระตุ้นให้ผู้เรียนสนใจเรียนมากยิ่งขึ้น
B. ส่งเสริมความสารถของนักเรียน
มีการนำสื่อมัลติมีเดียมาใช้ในเรื่องของ Internet ร่วมกับการสอนของครู มีการนำ PPT (power point)มาช่วยในการสอน ซึ่งต้องมีการส่งเสริมให้มีการอภิปรายกลุ่ม กิจกรรม โดยที่ไม่ใช้สื่อมัลติมีเดียเพียงอย่างเดียว
C. นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจระหว่างวัฒนธรรมตะวันตกได้ดี
สื่อมัลติมีเดียเป็นสื่อที่เสนอข้อมูลจำนวนมากๆได้ เช่น การใช้ CD มาเปิดในห้องเรียนเพราะสิ่งนี้มีข้อมูลมากกว่าข้อมูลในหนังสือ ซึ่งได้ใช้ทักษะการฟัง และมีการบูรณาการทักษะการฟังกับทักษะอื่นๆได้
D. การพัฒนาผลการสอน
ในการนำสื่อมัลติมีเดียมาช่วยสอนนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่จะพัฒนาการสอนได้คือ จะใช้ครูเป็นสื่อกลาง ถ้าหากจำนวนนักเรียนมีจำนวนมากๆ ครูต้องนำสื่อมัลติมีเดียมาช่วยสอน เช่น ครูใช้ Sound Lab เข้ามาช่วยเป็นสื่อในการสอน
การสอนแบบดั้งเดิมเป็นแบบอย่างที่เน้นให้ครูสอนและป้อนข้อมูลที่มีการจำกัด ในทางตรงกันข้ามสื่อมัลติมีเดียจะไปเลยของคำว่าเวลาและช่องว่าง สร้างจินตนาการ การมองเห็นสื่อของจริงของการเรียนภาษาอังกฤษ ซึ่งมันสามารถเพิ่มข้อมูลในห้องเรียนได้อย่างไม่จำกัดและมากขึ้น
2. ปัญหาของการใช้สื่อมัลติมีเดีย
A. ปัญหาหลักของการถูกแทนที่ด้วยตัวช่วย
ในการประยุกต์ใช้สื่อมัลติมีเดียมาช่วยนั้นจะทำให้ครูนั้นมีบทบาทลดลง ซึ่งถ้าครูใช้สื่อมัลติมีเดียมาช่วยในระหว่างการสอน มันก็เท่ากับลดหน้าที่ภาระของครูออกไป และเมื่อครูใช้สื่อมัลติมีเดียก็จะมีความสนใจแต่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ทำให้ขาดปฏิสัมพันธ์กันระหว่างครูกับนักเรียน ดังนั้นการใช้สื่อมัลติมีเดียก็ต้องใช้อย่างระมัดระวัง เพราะถ้าใช้มากเกินไปก็จะตกเป็นทาสของมันและไม่รู้หน้าที่ของตนเอง
B. สูญเสียการสื่อสาร
กล่าวคือ ในการใช้สื่อผสมส่งผลทางการบกพร่องในการสื่อสาร ซึ่งมีโอกาสในการสื่อสารน้อยมาก เพราะในความเป็นจริงแล้วนั้น การสอนภาต้องใช้การพูดกันตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อนำสื่อมัลติมีเดียมาช่วยนั้นก็จะทำให้การพูดของครูถูกสื่อมัลติมีเดียบดบังไปหมด
C. ศักยภาพของผู้เรียนลดลง
คือนักเรียนกับครูไม่มีการถาม – ตอบกัน ซึ่งครูไม่สามารถรู้ได้เลยว่านักเรียนมีผลสะท้อนกลับหรือไม่จากการสอน นักเรียนเลยละเลยว่าการสอนตรงไหนที่ครูต้องการเน้นหรือสิ่งไหนเป็นสิ่งจำเป็น เพราะนักเรียนไม่ได้ฝึกทักษะการคิด
D. ความคอดแบบนามธรรมจะถูกแทนที่เป็นภาพหมด ไม่ได้คิด/จินตนาการเลย
- การอ่านของนักเรียนถูกแทนที่ด้วยตัวอักษรที่อธิบายไว้เรียบร้อยด้วยภาพและเสียง โดยที่นักเรียนไม่ต้องใช้ความคิดหรือจินตนาการเลย
- การเขียนของนักเรียนถูกแทนที่ด้วยแป้นพิมพ์
ทั้งหมดนี้ เป็นการนำเสนอสื่อมัลติมีเดียมาช่วยสอนไม่สามารถแทนที่บทบาทของครูได้และเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสอนที่สมบูรณ์ได้ นอกจากจะใช้เป็นเครื่องมือในการสอน
3. แนวทาวแก้ไข
A. ไม่เน้นงานอย่างเดียว
คือให้ความสำคัญในบทบาทของครูเป็นหลัก กล่าวคือ ครูเป็นตัวนำในการจัดการเรียนการสอน ดังนั้นครูจะต้องเป็นผู้อธิบาย บอกให้ข้อมูลกับนักเรียน ซึ่งการที่จะนำสื่อมัลติมีเดียมาใช้มันก็ใช้ได้แต่นำมาใช้แค่เป็นตัวช่วย
B. จอคอมพิวเตอร์ไม่สามารถแทนที่ กระดานดำได้
เนื่องจากการใช้สื่อมัลติมีเดีย ครูต้องเตรียมเนื้อหาไว้ก่อนล่วงหน้าก่อนที่จะนำเสนอข้อมูล ดังนั้นมันเลยแก้ไขเนื้อหาไม่ได้เมื่อนักเรียนถาม แต่ในการใช้กระดานดำมันสะดวกกว่าที่จะแก้ไข เพิ่ม ลบ ข้อมูลต่างๆได้และสามรถเขียนอธิบายได้ชัดเจนกว่าเมื่อนักเรียนถามและต้องการคำตอบ ณ ตอนนั้นเลย
C. Power point ไม่สามารถนำมาแทนที่ความคิด การพูด การฝึกภาษา
เนื้อหาใน Power point มันมีทั้งเนื้อหา รูปภาพอธิบายชัดเจน นักเรียนจึงไม่ได้ฝึกทักษะการคิดและการสื่อสารภาษาอังกฤษ เพราะในการสอนภาษาอังกฤษต้องใช้การสื่อสารกันตลอดเวลา
D. วิธีการสอนแบบดั้งเดิมที่ไม่ควรละเลย
การนำสื่อมัลติมีเดียมาช่วยสอนนั้นไม่สามารถแทนที่วิธีการสอนแบดั้งเดิมที่ดีอยู่แล้วได้ เพราะการสอนแบบดั้งเดิมก็ยอดเยี่ยมอู่แล้ว เช่น ใช้เทปบันทึกเสียงโดยผู้บันทึกก็ยังมีบทบาทในการกระจายเสียงเพื่อเป็นสื่อการฟัง ซึ่งถ้าครูจะนำสื่อมัลติมีเดียมาใช้ก็จะต้องประยุกต์และเลือกวิธีสอนแบบดั้งให้เข้ากันอย่างเหมาะสม
E. สื่อมัลติมีเดียไม่ควรใช้มากเกินไป
ถึงแม้ว่าสื่อมัลติมีเดียจะทำให้บรรยากาศในห้องน่าสนใจ แต่ความเป็นจริงแล้วนักเรียนอาจจะดูเฉยๆไม่มีการพิจารณาหรือคิดตาม และมันก็มีสิ่งรบกวนในการให้ความรู้ นักเรียนไม่สามารถใช้สื่อมัลติมีเดียมาเป็นสื่อในการพูดได้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น